วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

DATA WARE HOUSE

คลังข้อมูล

คลังข้อมูล (data warehouse) คือ ฐานข้อมูลขนาดยักษ์ ที่รวบรวมฐานข้อมูลจากหลายแหล่งหลายช่วงเวลา ซึ่งอาจมี schema แตกต่างกัน มาไว้รวม ณ ที่เดียวกัน (และใช้ schema เดียวกัน)
เนื้อหา[ซ่อน]
1 คลังข้อมูลแตกต่างจากฐานข้อมูลอย่างไร?
2 ประเด็นที่ต้องพิจารณา
3 การวิเคราะห์ข้อมูลในคลังข้อมูล
3.1 Online Analytical Processing
3.2 การทำเหมืองข้อมูล
4 ลักษณะเด่นของคลังข้อมูล


คลังข้อมูลแตกต่างจากฐานข้อมูลอย่างไร?
โดยปกติแล้ว ฐานข้อมูลในองค์กรทั่วไปจะมีลักษณะที่ค่อนข้างทันต่อเหตุการณ์ เช่น ฐานข้อมูลพนักงานก็จะเก็บเฉพาะพนักงานในปัจจุบัน จะไม่สนใจข้อมูลพนักงานเก่า ๆ ในอดีต ซึ่งอาจจะมีข้อมูลอะไรบางอย่าง ที่มีประโยชน์สำหรับผู้บริหาร ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพและคุณลักษณะต่าง ๆ ขององค์กร. นอกจากนี้ ฐานข้อมูลแต่ละอันมักถูกออกแบบมาใช้เก็บข้อมูลเฉพาะด้าน จึงมีข้อมูลเฉพาะบางส่วนขององค์กรเท่านั้น ฉะนั้นคลังข้อมูลจึงถูกออกแบบมา เพื่อรวบรวมข้อมูลในทุกส่วนของทั้งบริษัท ทั้งเก่าและใหม่ไว้ด้วยกัน ไม่มีการลบทิ้งข้อมูลเก่า ๆ ที่ไม่จริงในปัจจุบัน
โดยสรุปคือ
คลังข้อมูล ใช้เพื่อการวิเคราะห์ (ข้อมูลทั้งอดีตและปัจจุบัน)
ฐานข้อมูล ใช้เพื่อทำการประมวลผล (เฉพาะข้อมูลปัจจุบัน)
ถ้าองค์กรมีคลังข้อมูลหลาย ๆ อันเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ต่าง ๆ แตกต่างกันไป เช่น คลังข้อมูลด้านการเงิน และ คลังข้อมูลด้านทรัพยากรมนุษย์ เรามักเรียกคลังข้อมูลเฉพาะด้านเหล่านี้ว่า ตลาดข้อมูล (data marts)
อนึ่ง กระบวนการในการใช้ข้อมูลในคลังข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ และวางแผนในทางธุรกิจ มักถูกเรียกว่า ปัญญาธุรกิจ (business intelligence).

ประเด็นที่ต้องพิจารณา
ในการรวมฐานข้อมูล อาจมีปัญหาว่าฐานข้อมูลแต่ละอัน อาจถูกออกแบบจากผู้ออกแบบหลายๆ คนทำให้มี schema แตกต่างกันไป (schema ในที่นี้หมายถึงการออกแบบ REA model ว่าจะมีกี่ตาราง แต่ละตารางเชื่อมกันอย่างไร มีอะไรเป็น primary key, foreign key เป็นต้น) ปัญหาใหญ่ก็คือจะนำฐานข้อมูลที่มีความแตกต่างกันมารวมกันได้อย่างไร
เมื่อรวมกันแล้วต้องการให้ schema ของคลังข้อมูลมีลักษณะแบบไหน. การออกแบบคลังข้อมูลโดยทั่วไป มักจะออกแบบตรงข้ามกับฐานข้อมูลอย่างสิ้นเชิง
การออกแบบฐานข้อมูลเรามักต้องการให้มี schema ที่ปรับปรุงได้ง่ายๆ (เพราะเราต้องประมวลผลบ่อย) คือในแต่ละตารางมี primary key น้อยๆ และมีตารางจำนวนมากเชื่อมต่อกัน นั่นคือใน REA model มักจะมีหลาย ๆ ตาราง
ในคลังข้อมูลเราต้องการให้เรียกข้อมูลที่ต้องการดู (query) ง่ายๆ และรวดเร็ว นอกจากนั้นเราไม่ค่อยได้แก้ไขปรับปรุงคลังข้อมูล จึงมักออกแบบให้มีตารางน้อยๆ schema ที่นิยมใช้ในคลังข้อมูลคือ star schema (ดู Fig. 15-7)

การวิเคราะห์ข้อมูลในคลังข้อมูล
มีสองประเภทใหญ่ ๆ คือ

Online Analytical Processing
Online Analytical Processing (OLAP) คือการใช้คำค้น (query) เพื่อค้นหาข้อมูลในคลังข้อมูลเหมือนในฐานข้อมูล เหตุผลที่เราไม่ค้นในฐานข้อมูล แต่มาทำในคลังข้อมูลแทนมีสองสาเหตุคือ
ความเร็ว
ความครอบคลุมของข้อมูลทั้งบริษัทที่มีอยู่ในคลังข้อมูล
ลักษณะการจัดเก็บข้อมูลที่ OLAP สามารถเรียกใช้
รูปแบบการจัดเก็บข้อมูลที่ทรงประสิทธิภาพมีอยู่ 3 ชนิดที่ (OLAP) สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
1. ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational DataBase) โดยทั่วไปแล้วระบบงานประจำมีการจัดเก็บข้อมูลแบบ RDBMS และ data warehouse ก็มีการจัดเก็บข้อมูลแบบ RDBMS ซึ่งอาจจะมีโครงสร้างข้อมูล แบบ star schema และอาจจะเป็นได้ทั้ง normalized & denormalized
2. ฐานข้อมูลหลายมิติ ( multidimentional database) ข้อมูลที่จัดเก็บในฐานข้อมูลหลายมิติอาจมาจากฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ หรือระบบงานปัจจุบันโดยจะแปลง การจัดเก็บข้อมูลเสียใหม่ โดยมีโครงสร้างการจัดเก็บแบบ array โดยทั่วไปแล้วฐานข้อมูลหลายมิติจะยอมให้สิทธิการเขียนข้อมูลลงในฐานข้อมูล ในช่วงเวลาหนึ่งเพียงคนเดียว แต่อนุญาตให้หลาย ๆ คน เข้าค้นหาข้อมูลในเวลาเดียวกัน หรือมิฉะนั้นก็อนุญาตให้ค้นหาข้อมูลเพียงอย่างเดียว
3. เก็บข้อมูลไว้ที่ client ลักษณะของfile (client-base files) ในกรณียอมให้client ดึงข้อมูลจำนวนไม่มากนักมาเก็บไว้ซึ่งเหมาะกับการประมวลผลแบบกระจาย หรือการสร้างคำสั่งให้ข้อมูลปรากฏบน web
OLAP ที่เกี่ยวข้องกับสาขาอื่นๆ
OLAP นับเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสาขาธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องจากความซับซ้อนที่มากขึ้น และเวลาที่น้อยลงสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจ OLAP จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะจุดเด่นที่สำคัญของ OLAP ประกอบด้วย การตอบสนองต่อการคิวรีของผู้ใช้ที่กินเวลาไม่มาก การทำงานที่ไม่ขึ้นกับขนาดและความซับซ้อนของฐานข้อมูล แอปพลิเคชัน OLAP ช่วยงานการวิเคราะห์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบ การนำเสนอในมุมมองเฉพาะ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและคาดการณ์ข้อมูลในอนาคตตามโมเดลการตอบคำถามแบบ "What-If"

การทำเหมืองข้อมูล
การทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) คือ การหารูปแบบ (pattern) อะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล ที่มองผิวเผินแล้วไม่อาจสังเกตเห็นได้ เนื่องจากข้อมูลมีปริมาณมาก เช่น การค้นหากฎความสัมพันธ์ (association rules) ของสินค้าในห้างสรรพสินค้า เราอาจพบว่าลูกค้าร้อยละ 90 ที่ซื้อเบียร์ จะซื้อผ้าอ้อมเด็กด้วย, ซึ่งเป็นข้อมูลให้ทางห้างคิดรายการส่งเสริมการขายใหม่ๆ ได้; หรือ ธนาคารอาจพบว่า คนทั่วไปที่มีอายุ 20-29 ปี และมีรายได้ในช่วง 20,000-30,000 บาท มักซื้อเครื่องเล่นเอ็มพีสาม, ธนาคารอาจเสนอให้คนกลุ่มนี้ทำบัตรเครดิต โดยแถมเครื่องเล่นดังกล่าว เป็นต้น..........................

ลักษณะเด่นของคลังข้อมูล
ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูง ถึงแม้ว่าจะมีการลงทุนที่ต่ำก็ตาม
เนื่องจากมีการให้ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูง จึงสามารถทำให้องค์กรเกิดความได้เปรียบคู่แข่งขันในแง่ของการได้รับข้อมูลและสารสนเทศก่อนคู่แข่งขันเสมอ จึงทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อทำการกำหนดเป็นกลยุทธ์ และกำหนดทิศทางในการดำเนินงานได้ก่อนคู่แข่งขัน เช่น พฤติกรรมของผู้บริโภค ความต้องการทางตลาด และแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค
เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจของผู้ตัดสินใจ เนื่องจากคลังข้อมูลได้รับการให้ข้อมูลที่รับมาจากแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกัน มีความสอดคล้องกัน และวิเคราะห์ตามประเด็นที่ผู้ตัดสินใจต้องการ อีกทั้งข้อมูลที่มีอยู่ในคลังข้อมูลก็มีปริมาณมากทั้งข้อมูลในอดีตและปัจจุบัน จึงทำให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
ทำให้สะดวกและรวดเร็วในการค้นหาข้อมูลต่างๆ และลดความซ้ำซ้อนกันของข้อมูลอีกด้วย

DATA MINING


DATA MINING คืออะไร

Data Mining คือ ชุด software วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อระบบสนับสนุนการตัดสินใจของผู้ใช้ มันเป็น software ที่สมบรูณ์ทั้งเรื่องการค้นหา การทำรายงาน และโปรแกรมในการจัดการ ซึ่งเราคุ้นเคยดีกับคำว่า Executive Information System ( EIS ) หรือระบบข้อมูลสำหรับการตัดสินใจในการบริหาร ซึ่งเป็นเครื่องมือชิ้นใหม่ที่สามารถค้นหาข้อมูลในฐานข้อมูลขนาดใหญ่หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการบริหาร ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับฐานข้อมูลที่มีอยู่ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ( Decision Support System) คือทำอย่างไรให้ข้อมูลที่เรามีอยู่กลายเป็นความรู้อันมีค่าได้สร้างคำตอบของอนาคตได้

การทำเหมืองข้อมูล
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา

การทำเหมืองข้อมูล (อังกฤษ: data mining) หรืออาจจะเรียกว่า การค้นหาความรู้ในฐานข้อมูล (Knowledge Discovery in Databases - KDD) เป็นเทคนิคเพื่อค้นหารูปแบบ (pattern) ของจากข้อมูลจำนวนมหาศาลโดยอัตโนมัติ โดยใช้ขั้นตอนวิธีจากวิชาสถิติ การเรียนรู้ของเครื่อง และ การรู้จำแบบ หรือในอีกนิยามหนึ่ง การทำเหมืองข้อมูล คือ กระบวนการที่กระทำกับข้อมูล(โดยส่วนใหญ่จะมีจำนวนมาก) เพื่อค้นหารูปแบบ แนวทาง และความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในชุดข้อมูลนั้น โดยอาศัยหลักสถิติ การรู้จำ การเรียนรู้ของเครื่อง และหลักคณิตศาสตร์
ความรู้ที่ได้จากการทำเหมืองข้อมูลมีหลายรูปแบบ ได้แก่
กฎความสัมพันธ์ (Association rule)
แสดงความสัมพันธ์ของเหตุการณ์หรือวัตถุ ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ตัวอย่างของการประยุกต์ใช้กฎเชื่อมโยง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการขายสินค้า โดยเก็บข้อมูลจากระบบ ณ จุดขาย (POS) หรือร้านค้าออนไลน์ แล้วพิจารณาสินค้าที่ผู้ซื้อมักจะซื้อพร้อมกัน เช่น ถ้าพบว่าคนที่ซื้อเทปวิดีโอมักจะซื้อเทปกาวด้วย ร้านค้าก็อาจจะจัดร้านให้สินค้าสองอย่างอยู่ใกล้กัน เพื่อเพิ่มยอดขาย หรืออาจจะพบว่าหลังจากคนซื้อหนังสือ ก แล้ว มักจะซื้อหนังสือ ข ด้วย ก็สามารถนำความรู้นี้ไปแนะนำผู้ที่กำลังจะซื้อหนังสือ ก ได้
การจำแนกประเภทข้อมูล (Data classification)
หากฏเพื่อระบุประเภทของวัตถุจากคุณสมบัติของวัตถุ เช่น หาความสัมพันธ์ระหว่างผลการตรวจร่างกายต่าง ๆ กับการเกิดโรค โดยใช้ข้อมูลผู้ป่วยและการวินิจฉัยของแพทย์ที่เก็บไว้ เพื่อนำมาช่วยวินิจฉัยโรคของผู้ป่วย หรือการวิจัยทางการแพทย์ ในทางธุรกิจจะใช้เพื่อดูคุณสมบัติของผู้ที่จะก่อหนี้ดีหรือหนี้เสีย เพื่อประกอบการพิจารณาการอนุมัติเงินกู้
การแบ่งกลุ่มข้อมูล (Data clustering)
แบ่งข้อมูลที่มีลักษณะคล้ายกันออกเป็นกลุ่ม แบ่งกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเดียวกันตามลักษณะอาการ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์หาสาเหตุของโรค โดยพิจารณาจากผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายคลึงกัน
จินตทัศน์ (Visualization)
สร้างภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกที่สามารถนำเสนอข้อมูลมากมายอย่างครบถ้วนแทนการใช้ขัอความนำเสนอข้อมูลที่มากมาย เราอาจพบข้อมูลที่ซ้อนเร้นเมื่อดูข้อมูลชุดนั้นด้วยจินตทัศน์
เนื้อหา
1 ขั้นตอนการทำเหมืองข้อมูล
2 ประโยชน์จากการทำเหมืองข้อมูล
2.1 การประยุต์ใช้ Data Mining
3 ดูเพิ่ม
4 แหล่งข้อมูลอื่น

ขั้นตอนการทำเหมืองข้อมูล
ทำความเข้าใจปัญหา
ทำความเข้าใจข้อมูล
เตรียมข้อมูล
สร้างแบบจำลอง
ประเมิน
นำไปใช้งาน

ประโยชน์จากการทำเหมืองข้อมูล
การทำเหมืองข้อมูล จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรจากหลายฝ่าย และต้องอาศัยความรู้จำนวนมาก ถึงจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่ได้จากขั้นตอนวิธีเป็นเพียงตัวเลข และข้อมูล ที่อาจจะนำไปใช้ประโยชน์ได้หรือใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลยก็เป็นได้ ผู้ที่ศึกษาการทำเหมืองข้อมูลจึงควรมีความรู้รอบด้านและต้องติดต่อกับทุก ๆ ฝ่าย เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตของปัญหาโดยแท้จริงก่อน เพื่อให้การทำเหมืองข้อมูลเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

การประยุต์ใช้ Data Mining
การขายปลีกและขายส่ง
การธนาคาร
การประดิษฐ์และการผลิต
การประกันภัย
การทำงานของตำรวจ
การดูแลสุขภาพ
การตลาด

ดูเพิ่ม
คลังข้อมูล (Data warehouse)
การทำเหมืองข้อความ (Text mining)
การทำเหมืองเว็บ (Web mining)
ฐานข้อมูล (Database)

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เทคนิคการทำงาน

ขั้นตอนการทำงานธุรการ

1.การลงทะเบียนรับหนังสือ
- ประทับตราหนังสือรับ
- ลงเลขที่รับ ปีที่รับ
- ลงวัน เดือน ปี เวลา และลงชื่อผู้รับหนังสือ ที่ประทับตราด้านขวาบน

2.การเกษียณหนังสือ
- เมื่อลงรับหนังสือแล้วขั้นตอนต่อไปคือ
- การเกษียณหนังสือ ถึง นายก อบต.
- เพื่อให้นายก อบต.ทราบ และแจ้งเป็นหนังสือเวียนเพื่อให้ส่วนต่างๆ ทราบเช่นกัน
- จะได้ดำเนินการตามที่นายก เกษียณมา

3.การพิมพ์หนังสือส่งส่วนราชการต่าง
- พิมพ์ ที่หนังสือออก เช่น ศก.75301/...........
- พิมพ์ที่อยู่ของอบต.
- พิมพ์วันที่ที่จะส่งหนังสือ
- พิมพ์ เรื่อง(อะไร)
- พิมพ์ เรียน (ใคร)
- อ้างถึง (ถ้ามี)
- สิ่งที่ส่งมาด้วย (ถ้ามี)
- เนื้อเรื่อง
- ขอแสดงความนับถือ
- ลงชื่อ ตำแหน่ง
- เบอร์โทร. ส่วนราชการ

4.การลงทะเบียนส่งหนังสือ
- เมื่อหนังสือที่จะส่งพิมพ์เสร็จแล้ว
- นำไปประทับสำเนาคู่ฉบับ 1 ฉบับ ที่ส่วนกลางบนของหนังสือ
- ประทับ ร่าง พิมพ์ ตรวจทาน ที่ด้านล่างขวาของตัวสำเนาคู่ฉบับ
- นำไปออกเลขที่ส่ง อยู่มุมบนซ้ายแถวเดียวกับ ที่หนังสือ
- นำไปให้นายกเซ็นต์เพื่อส่งให้ส่วนราชการต่างๆ

5.การเก็บหนังสือ
- เมื่อเรมีการรับส่งหนังสือจะต้องมีการเก็บหนังสือที่รับมา และสำเนาหนังสือที่ส่งไปให้ส่วนราชการไว้
เป็นหลักฐานในการค้นหา การเก็บหนังสือส่ง และหนังสือรับมีการเก็บที่เหมือนกัน คือจะเก็บแยกตามส่วนใครส่วนมัน คือ ส่วนการคลัง, ส่วนโยธา,สำนักปลัด,ส่วนการศึกษา และก็จะแยกเป็นเรื่องๆ ที่สำคัญจะเก็บไว้อีกแฟ้มหนึ่ง เรื่องทั่วไปก็เป็นอีกแฟ้มหนึ่ง

*การทำงานจะต้องทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามคำสั่ง และงานสารบรรณนี้ไม่ค่อยมีอะไรสับซ้อนเท่าไร

ตำแหน่ง


เจ้าหน้าที่ธุรการ



กษณะงานโดยทั่วไป

สายงานนี้คลุมถึงตำแหน่งต่างๆ ที่ปฏิบัติงานธุรการและงานสารบรรณธรรมดา
ซึ่งมีลักษณะงานเกี่ยวกับการรับส่ง ลงทะเบียนหนังสือ เก็บและค้นหาหนังสือ
รวบรวมข้อมูล ร่างโต้ตอบ บันทึก ย่อเรื่อง คัดสำเนา พิมพ์ ตรวจทานหนังสือ
ดูแลรักษาและเบิกจ่าย พัสดุ ครุภัณฑ์ ดูแลรักษาจัดเตรียมและให้บริการเรื่องสถานที่
วัสดุ อุปกรณ์ ช่วยติดต่อและอำนวยความสะดวกต่างๆ และปฎิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง


หน้าที่และความรับผิดชอบ

ปฎิบัติงานขั้นต้นเกี่ยวกับงานธุรการและงานสารบรรณธรรมดาที่ไม่ยาก
ภายใต้การกำกับตรวจสอบโดยใกล้ชิดหรือตามคำสั่ง หรือแบบ
หรือแนวทางปฏิบัติที่มีอยู่อย่างแน่ชัด หรือละเอียดถี่ถ้วน
และปฏิบัหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมายลักษณะงานที่ปฏิบัติ รับ ส่ง
ลงทะเบียน แยกประเภทและจัดส่งหนังสือ เอกสาร ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เก็บและค้นหาหนังสือ กรอกแบบฟอร์มและร่างหน้งสือโต้ตอบง่าย ๆ
ตรวจทานความถูกต้องของตัวเลขและตัวหนังสือ พิมพ์และคัดสำเนา
หนังสือเอกสาร ตรวจเอกสารหลักฐานและคัดลอกลงรายการต่างๆ ช่วยจัดหา
ดูแลรักษาและเบิกจ่ายพัสดุครุภัณฑ์ ช่วยรวบรวมข้อมูลและสถิติทั่วไป
ช่วยทำบันทึกย่อเรื่องช่วยจัดเตรียมและให้บริการในเรื่องสถานที่ วัสดุ อุปกรณ์
ช่วยติดต่ออำนวยความสะดวก และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สถานที่ทำงาน

องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งสว่าง ตั้งอยู่เลขที่ 39 หมู่ 9 ตำบลทุ่งสว่าง
อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ โทร.045-649630

ประวัติความเป็นมา :
ตำบลทุ่งสว่าง แยกจากตำบลธาตุเมื่อ 1 กรกฎาคม 2533

โดยมี นายลาศ ธรรมธร เป็นกำนันคนแรก ประกอบด้วย 15 หมู่บ้าน
ได้รับการยกฐานะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2540 มีเนื้อที่ 28.64 ตร.กม. หรือประมาณ 17,900 ไร่

สภาพทั่วไปของตำบล :
ลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม สภาพดินเป็นดินร่วนปนทราย มีป่าไม้ห้วยสำราญ


แหล่งน้ำที่สำคัญ ห้วยสำราญ ห้วยคล้า คลองอีสานเขียว

อาณาเขตตำบล :
ทิศเหนือ ติดกับ ต.หมากเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

ทิศใต้ ติดกับ ต.ธาตุ อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ
ทิศตะวันออก ติดกับ ต.บ่อแก้ว อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ
ทิศตะวันตก ติดกับ ต.แข้ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ

จำนวนประชากรของตำบล :
จำนวนประชากรในเขต อบต. 4,423 คน


ข้อมูลอาชีพของตำบล :
อาชีพหลัก ทำนา อาชีพเสริม เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชผักสวนครัว


ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบล :
1) วัดบ้านป่าดู่

2) วัดบ้านทุ่งสว่าง
3) ป่าชุมชนบ้านท่าสำราญ


โครงสร้างพนักงานส่วนตำบลทุ่งสว่าง

สำนักงานปลัด อบต.ทุ่งสว่าง

นายอภิวัฒน์ อินทร์ประสิทธิ์
ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล
นายวิชัย อัฐนาค
เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป
นางสาวอัมรา ชัยเพ็ง
นิติกร
นายธนาวุธ ทองมา
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน
นางสาวจันทนา ทองพันชั่ง
เจ้าพนักงานธุรการ
นายสัณฐิต สุภาพ
เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล
นายกิตติพล มะณู
นักการภารโรง

ส่วนการศึกษา อบต.ทุ่งสว่าง

นายศราวุธ เพชรสมัย

นักวิชาการศึกษา

ส่วนโยธา อบต.ทุ่งสว่าง

นางรัชนี ดวนใหญ่

หัวหน้าส่วนโยธา

นายเปรม สุขศรี

นายช่างโยธา

ส่วนการคลัง อบต.ทุ่งสว่าง

นางสาวพิมพ์ลภัส กาญจนะวิเชียร
หัวหน้าส่วนการคลัง
นางอรัญ สุขศรี
เจ้าหน้าทีการเงินและบัญชี
นางบังอร โพธิ์เงิน
เจ้าพนักงานพัสดุ
นายปรมินทร์ รจนัย
เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้
นางสาวสิริพร เที่ยงธรรม
ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

แนะนำตัว










ประวัติส่วนตัว


ชื่อ-สกุล "นางสาวสิริพร เที่ยงธรรม"

ชื่อเล่น "น้องแก้ม"

เพศ "ญ."

อายุ "26 ปี"

สถานที่เกิด "โรงพยาบาลศรีสะเกษ"

ที่อยู่ปัจจุบัน " 28 หมู่ 9 บ้านเจ้าทุ่ง ตำบลทุ่งสว่าง อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ"

ประวัติการศึกษา " กำลังศึกษาปริญญาตรี รป.บ. สาขาการจัดการการคลัง